ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของแต่ละคนต้องเคยพบเจอคนที่ชอบโกหกมาบ้างไม่มากก็น้อย อย่างตัวผมเองตอนที่กำลังตกแต่งบ้านอยู่ ช่างรับเหมารับปากว่ารับรองว่าจะมาตกแต่งบ้านผมให้เสร็จก่อนสงกรานต์ รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแถมสาบานด้วยว่าถ้าผิดคำพูดเขาก็ไม่ใช่คนแล้ว ซึ่งในที่สุดเขาก็ไม่ใช่คนเพราะจนแล้วจนรอดก็ไม่มาให้เห็นหน้าทิ้งงานไปเฉยๆ ซึ่งคงเป็นเพราะตัวเขาเองถูกช่างเฟอร์นิเจอร์หลอกต่อกันมาอีกที แต่ที่ทำให้ต้องเลิกคบกันไปเลยยังไม่ใช่แค่นี้ เพราะตอนที่ตกแต่งล่าช้าไปเป็นปีนั่นแหละที่เขารับปากว่าจะรับผิดชอบค่าตกแต่งที่แล้วมาทั้งหมดเอง ต่อมาเมื่อโผล่มาเจอหน้ากันกลับมาทวงเงินอีก เห็นทีเขาคงจะลืมคำพูดของตัวเองหรือไม่ก็โกหกเพื่อเอาตัวรอดมาหลายครั้งจนจำไม่ได้ว่าตัวเองพูดอะไรไว้บ้าง
คนที่โกหกต่างจากคนที่พูดแต่ความจริงตรงที่ตัวเองต้องคอยจำสิ่งที่พูดโกหกไป ถ้าโกหกบ่อยมากก็ยากจะจำคำพูดของตน
ในวงการปิงปอง ผู้จัดการสนามกีฬาเคยพูดสัญญาว่า แม้ห้องปิงปองจะถูกจองให้ทีมโน้นทีมนี้มาเล่น แต่นักปิงปองที่เป็นสมาชิกซึ่งมาใช้บริการก็ยังต้องมีโต๊ะปิงปองแบ่งไว้ให้เล่นได้อย่างน้อย 2 - 3 ตัว แต่พอมีปัญหาแย่งโต๊ะกันขึ้นมาผู้จัดการก็กลับคำพูดว่า ไม่ให้โต๊ะเล่นแล้ว ขอให้สมาชิกรอมาเล่นตอนเย็นๆหลังจากที่ห้องว่างก็แล้วกัน ส่วนทีมนักปิงปองที่แจ้งขอใช้สถานที่ในช่วงเวลานั้นเวลานี้ก็ใช้เวลาฝึกซ้อมเกินกว่าที่แจ้งมา สมาชิกที่มาถึงก็ไม่อยากเข้าไปขอโต๊ะตามนิสัยคนไทยที่ไม่ชอบหาเรื่องแม้จะถูกละเมิดสิทธิ์ของตนก็ตาม
การยอมทำตามคนส่วนใหญ่แต่ต้องละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ไม่ได้ต่างจากการยอมให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย คนจะทำตามคนส่วนใหญ่กันไปทั้งๆที่ทำผิดกฎกติกา บ้านเมืองย่อมขาดระเบียบ
กฎระเบียบและกฎหมายต้องมีความชัดเจนและเมื่อบังคับใช้ต้องมีบทลงโทษที่ต้องทำจริง ป้ายประกาศต้องเขียนอธิบายให้ละเอียด อย่าปล่อยให้ประชาชนต้องตีความหมายกันเอง ต้องลงชื่อผู้ประกาศ วันที่ประกาศ ระยะเวลาที่ต้องการให้มีผลจากวันเริ่มต้นวันใดถึงวันใด และหากมีข้อสงสัยให้ติดต่อสอบถามได้จากใคร ป้ายประกาศต้องติดล่วงหน้าให้ทุกคนได้เตรียมตัว ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาติดประกาศว่าขอห้ามใช้สถานที่ในวันนั้นเอง
ผลกรรมของการโกหก
พุทธวจนะที่ว่า..... "ผู้กล่าวคำเท็จอยู่ จะไม่ทำความผิดอื่น เป็นไม่มี"
โทษของการละเมิดศีลข้อที่ ๔ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า มุสาวาท (พูดปดหลอกลวง) ที่บุคคลทำจนคุ้น ฯลฯ ย่อมเป็นเหตุให้เกิด ในนรก ฯลฯ วิบากคือเศษกรรม ของการพูดปดหลอกลวง อย่างเบาที่สุด ย่อมชักให้ผู้ทำ ซึ่งเป็นมนุษย์กลายเป็นคนถูกกล่าวตู่ด้วยความเท็จ
จากคำสอนของพระพุทธองค์ทำให้เห็นได้ว่า กรรมหรือผลกรรมของการโกหกนั้นพอสรุปคร่าวๆไ้ด้ดังนี้
ผลที่เกิดขึ้นเป็นการภายนอก เห็นง่าย คือคนเขาจะไม่เชื่อถือ พูดอะไรไปแม้จริง ก็มีกระแสบางอย่างทำให้เขารู้สึกมัวๆ ขัดๆ เพราะคนโกหกประจำจะดูกะล่อนๆ สัมผัสรู้สึกได้
ผลที่เกิดขึ้นเป็นการภายใน เห็นยาก แต่รู้ได้ถ้าเลิกเข้าข้างตัวเอง คือใจจะปรุงแต่ง ฟุ้งไปในอุปาทานนานาชนิดอยู่ตลอด หลอกคนอื่นบ่อยๆ ในที่สุดก็หลอกกระทั่งตัวเอง ยิ่งหม่นมืดยิ่งมองไม่เห็นว่าหลอก นึกว่าดี นึกว่าไม่เป็นไร การโกหกเป็นเรื่องที่ไม่ดีอยู่เเล้ว เเต่ก็ขึ้นอยู่ที่บางครั้ง บางคนอาจโกหกเพราะจําใจ เเต่ที่เเน่ๆ พวกโกหกทําให้คนอื่นดูไม่ดีในสายตาคนอื่น ทั้งๆที่เเท้ที่จริง คนๆนั้นเป็นคนดี อันนี้บาปหนา
ที่มาจาก http://www.thammachuk.com
การพูดโกหก จะต้องประกอบด้วยหลัก ๓ ประการ
(หลักการวินิจฉัย การขาดของศีลข้อ ๔ว่า ด้วยมุสาวาทา เวรมณี) คือ
๑. ทำเรื่องไม่จริง-โดยไม่ละอาย
๒. มีความคิดที่จะหลอกลวงตนเอง-ผู้อื่น
๓. พยายามจะพูดออกไป-ให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในเรื่องนั้น
การพูดเรื่องมุสา ท่านว่ามีโทษมากมายมหันต์ เพราะเหตุ ๓ ประการ คือ
๑. ผลประโยชน์ที่ถูกทำลายมีมาก
๒. ผู้เสียผลประโยชน์เป็นผู้มีคุณมาก
๓. กิเลสของผู้พูดหลอกลวงตนเอง-ผู้อื่น มีกำลังแรงกล้าอย่างมาก
กรรมสนองจากการผิด ศีลมุสาวาทา
ตกนรกสามภูมิ เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรตอสุรกาย
มักถูกติฉิน นินทากล่าวร้าย ถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกกีดกัน ถูกขับไล่ ถูกเขาหลอกลวง ง่ายต่อการถูกฉ้อโกง กล่าวโทษวาจาไม่มีคนเชื่อถือ คำพูดไม่มีคนยอมรับ คำพูดกำกวม ปากแหว่งโดยกำเนิด ไม่มีลิ้น พูดไม่ชัด ไม่ได้มรรคผล จะบำเพ็ญอย่างไรก็ไม่สำเร็จมรรคผล กลิ่นปากเหม็น รักษาไม่หาย กลิ่นตัวแรง หากกินเจกลิ่นจะลดลงบ้าง ยิ่งกินเนื้อสัตว์กลิ่นยิ่งรุนแรงหนักขึ้น
ผลจากการถือศีลมุสาวาทา
ปากสะอาดหมดจด กลิ่นปากหอมเหมือนกลิ่นดอกบัว ไม่ต้องฉีดน้ำหอม กลิ่นหอมเองโดยธรรมชาติ พระพุทธมิได้กล่าวลอยๆ แลบลิ้นปิดหน้าได้ทั้งหมด ศพถูกเผาแล้วฟันทุกซี่อยู่ในสภาพปกติ เป็นที่เคารพศรัทธาของคนทั่วไป ใจเกิด ปีติ ผู้คนยินดี ไม่กล่าวคำเท็จ ยินดีที่มีชีวิตอยู่ในท่ามกลางความจริง ชาติหน้ายินดีที่ได้ยินเสียงที่ดี ไม่มีเสียงมารบกวนทำให้สับสน มาทำร้าย เพิ่มพูนเกียรติคุณ ไม่มีอุปสรรค ปัญญามิอาจประมาณ